ปัจจุบันอาชีพโปรแกรมเมอร์ เป็นอาชีพหนึ่งที่หลายๆ คน ใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาสู่เส้นทางนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรกันบ้าง วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวกว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ ซึ่งย้อนไปไกลมากหน่อย ประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว 55555
สมัยนั้นหน้าที่ของผมคือต้องมาพิมพ์มือ Airway Bill ลงฟอร์มโดยใช้พิมพ์ดีดไฟฟ้า และพิมพ์มือ Invoice โดยใช้โปรแกรม Lotus 1-2-3 Always หน้าจอขาวดำ ทำงานบน MS-DOS ซึ่งสิ่งที่ทำซ้ำๆ ทุกวันคือ พิมพ์ลูกค้าคนเดิมๆ รายละเอียดเดิมๆ ทุกวัน ด้วยความขี้เกียจ เลยมีความคิดว่าทำอย่างไรให้ไม่ต้องมาพิมพ์อะไรที่มันซ้ำๆ แบบนี้ทุกวัน

ประจวบเหมาะกับตอนนั้นทางบริษัทได้ upgrade คอมพิวเตอร์จาก CPU 386SX ไปเป็น 486DX ที่สำคัญมาพร้อมกับ Microsoft Windows 3.11 for Work Group!!!! โอ๊วมายก๊อด คือพอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่มาเวลาว่างจากการทำงานผมจะขลุกอยู่กับมันทั้งวี่ทั้งวัน เกมส์ Solitaire, Freecell, Minesweeper เล่นจนโกงให้ชนะเป็นหมด 55555

กลับมาต่อเรื่องงาน หลังจากนั้นก็สืบเสาะหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้เร็วขึ้น ตอนนั้นยังไม่รู้จัก Word, Excel และยังใช้ไม่เป็นด้วย แต่บังเอิญไปเจอโปรแกรมตัวหนึ่งในเครื่องชื่อว่า Microsoft FoxPro 2.6 for Windows จริงๆ แล้วมันมีเวอร์ชั่นบน MS-DOS ด้วย ซึ่งผมก็ลองเล่นทั้ง 2 ตัว แต่มาพบว่าตัวที่ใช้บน Windows มันสะดวกกว่าเยอะ ก็เลยมุ่งศึกษาตัวนี้ และค้นพบว่ามันเป็นโปรแกรมเอาไว้พัฒนาระบบ Database ซึ่งตรงจุดประสงค์ที่ต้องการพอดี
ดังนั้นก็เลยมั่วๆ จนทำ application ตัวหนึ่งออกมาได้ สำหรับออก Invoice มีฐานข้อมูลลูกค้า และอื่นๆ เก็บอย่างเป็นระเบียบ ค้นหา ดึงมาใช้ได้ง่าย ทำให้เราสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ไปถึงหูหัวหน้าแผนก แล้วพูดต่อๆ กันในบริษัทว่าไอ้เด็กคนนี้มันเขียนโปรแกรมได้
เมื่อทางบริษัทเห็นความสามารถเขาเลยเปลี่ยนหน้าที่ให้ใหม่ ไปอยู่ในส่วนของแผนกคอมพิวเตอร์ พอดีบริษัทในสาขาอีกแห่งขาดคนทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ เลยได้ย้ายไปประจำที่นั่นในตำแหน่งหัวหน้าแผนกคอมพิวเตอร์ควบทั้งโปรแกรมเมอร์ IT Support ที่นั่นมีพนักงานอยู่ก่อนแล้ว 2 คน แต่ทำในส่วนของ Data Entry ผมเข้าไปแรกๆ ก็โดนต่อต้านเล็กน้อยว่ามึงเป็นใครมาจากไหนวะ อยู่ดีๆ ก็มาเป็นหัวหน้า แต่เราก็แสดงให้เห็นว่าเราเคารพเขา อะไรที่เราไม่รู้ก็ไปปรึกษาเขา ให้เกียรติเขา จนเขายอมรับ แล้วทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากนั้นก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งเรื่องการเขียนโปรแกรม และเรื่องอื่นๆ อีก ช่วงนั้น Linux กำลังมาเลยได้ลองเล่น Config ต่างๆ สนุกสนานกันไป แล้วนี่ก็โชคดีอย่างหนึ่ง ผู้จัดการแผนกคอมพิวเตอร์ที่ดูแลทุกๆ สาขา หัวหน้าผมอีกที ให้โอกาสเราแสดงความสามารถ แล้วสนับสนุน และยังเป็นอาจารย์คนแรกที่แนะนำสอนเรื่องเขียนโปรแกรม เทคนิคต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก กราบๆ
Internet กำลังมา นี่จำได้ว่ากว่าจะต่อ Internet ใช้ได้แต่ละทีสุดแสนจะลำบาก ยังจำคำสั่งได้เลย ต้องทำบน Terminal คือ
atz
atdtตามด้วยเบอร์โทร ISP
หลังจากนั้นรอสัญญาณตอบรับ กรอก username และ password ถึงใช้งานได้ บางวันต่อเป็นสิบๆ รอบก็ใช้ไม่ได้ 5555
ยุค web application ตอนนั้นส่วนใหญ่จะเริ่มใช้ภาษา Perl CGI ที่เห็นกันบ่อยๆ ก็พวก webboard, thai top 100 (จัดอับดับเว็บที่มีคน click เข้าบ่อยสุด) จริงๆ มันมี Java Applet (ไม่เกี่ยวกับ Java Script อันนี้เป็นภาษา Java จริงๆ เลย) แต่คนไม่นิยมนัก เพราะมันช้า แถมคอมพิวเตอร์ตอนนั้นก็ไม่ได้แรง ต่อมาก็มี PHP, ASP, JSP, Cold Fusion ผมก็ฝึกจนสามารถเขียนได้ทุกภาษาตามที่กล่าวมา ส่วน HTML และ Java Script อันนั้นเป็นอยู่ก่อนแล้ว เพราะได้ฝึกทำ static web ซึ่งตอนนั้นใช้ GeoCities ซึ่งถือเป็นชุมชนคนสร้างเว็บที่นิยมในยุคนั้นเลย
จุดเริ่มต้นของ Freelance งานนอกเริ่มมา
มีพี่คนหนึ่ง พี่ที่รู้จักกันแนะนำมา คือพี่เขากำลังศึกษา ป.โท และมีโปรเจคจบที่ต้องพัฒนาด้วยการเขียนโปรแกรม เลยมาจ้างเราให้ช่วยทำ นี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยตกลงรับงานนั้นไป 5555 ถ้าจำในผิดตอนนั้นใช้ PHP+MySQL นะ ก็ทำจบไปด้วยดี ตอนหลังพี่เขามาขอบคุณใหญ่ว่าถ้าไม่ได้เราช่วยทำ เขาเรียนไม่จบแน่ๆ นี่ก็ไม่รู้จะภูมิใจหรือว่า อิหยังดีวะ 5555 หลังจากนั้นก็รับงานนอก คู่กับทำงานประจำมาเรื่อยๆ โปรเจคแล้ว โปรเจคเล่า งานเยอะมาก เคยอดหลับอดนอนถึงขนาดเดินแล้วรู้สึกว่าเราตัวลอยได้ หรือเดินลงบรรได จากที่มี 10 ขั้น นี่มองเห็นเป็น 20-30 ขั้น พอเดินก็ร่วงซิครับ 5555
ปี 2549 ผมตัดสินใจลาออกจากบริษัท มาเปิดบริษัทเอง ซึ่งก็สร้างเครือข่ายลูกค้าประจำไว้อยู่แล้ว และก็ยังมีลูกค้าใหม่ตามโปรเจคอยู่เรื่อยๆ ปีแรกๆ ก็ผ่านไปด้วยดี แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหา ลูกค้าเริ่มจ่ายเงินช้า เก็บเงินไม่ได้ นี่ก็ต้องควักเงินตัวเองออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารบริษัท ทางบัญชีก็พยายามติดตามหนี้ให้ จนมีลูกค้ามาฟ้อง นี่ก็ไปว่าบัญชีเขาอีกว่าไปทวงเงินทำไม ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของเขา สุดท้ายบริษัทก็ไปไม่รอด อยู่ได้ประมาณ 3 ปีก็ปิดตัวไป เลยกลับมาเป็น Freelance แบบเต็มตัว ซึ่งรู้สึกว่ามัน Happy มากๆ 55555
จากประสบการณ์เกือบ 25 ปีกับการเป็นโปรแกรมเมอร์ พอจะสรุปได้ดังนี้
1. ต้องมีความชอบ กระตื้อลือล้นที่จะทำ อยู่กับงานที่เราทำได้นานๆ ผมอยู่กับมันจนมีคนแซวว่า สงสัยต้องแต่งงานกับคอมพิวเตอร์ละมั้งเห็นขลุกอยู่กับมันทั้งวัน
2. Input รู้จักค้นคว้าหาความรู้ ทดลองทำอยู่เสมอๆ ช่วงหนึ่งทุกเช้าผมจะเข้าไปเว็บ Sanook หน้า download software และโหลดมาทดลอง install เล่น เพื่อศึกษาการทำงาน แล้วเอาข้อดีต่างๆ ไปทำตาม หรือเว็บ tucows.com dowload.com รวมหนังสือตำราต่างๆ ก็อ่านชนิดเรียกว่าเข้าร้านหนังสือบ่อยเป็นอับดับ 3 รองจากบ้าน ที่ทำงานเลย แต่สมัยนี้การเรียนรู้มันเยอะมากๆ ทั้ง Youtube, Google สบายเลย ยุคผมต้องมาเปิด Help ไฟล์อ่านกัน 5555
3. Output ต้องสร้างผลงานโปรแกรมใหม่อยู่เสมอ รวมทั้ง update ของเดิมให้ดีขึ้น ประสบการณ์มันจะมาจากงานจริง ปัญหาต่างๆ ที่เราต้องคอยแก้ไข มันจะทำให้เราเก่งขึ้นเอง
ผมได้ข้อดีอย่างหนึ่งมาจากอาชีพโปรแกรมเมอร์ คือ มันสอนให้เราคิดเป็นระบบ มีขั้นมีตอน ซึ่งตรงนี้มันเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราทั่วๆ ไปได้
มีคำพูดหนึ่งของโฮจิมินว่า ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปกว่าอิสระภาพ และเสรีภาพ นี่รู้สึกเลยว่า มันจริงเพราะประสบกับตัวเอง และก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนรักอิสระมาก ไม่ชอบกับกฎระเบียบอะไรที่มันมากเกินไป กับอาชีพ Freelance 15 ปี มันเป็นอะไรที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วละนะ
สนันสนุนเราได้โดย: ส่งค่ากาแฟ: https://www.buymeacoffee.com/poradok PayPal: https://paypal.me/kampees?locale.x=th_TH Dogecoin: DKKx8EKuzQZ3iY99bJFwnpKrfGwgnXvSwM Bitcoin BTC: bc1qhg6gwrtt92u9jxjkyw7nvgdt53ngxuzvcj855s Stellar XLM: GD64EJSQP4LQJJLPBPOZVW55QR4HETHJVJ6FUZK6DNFU4S5MAX5H4XHV Litecoin LTC: ltc1qhr5caffj6c9360vq88cj5fee88uk4wy629zg32