เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาหลายช่วงอายุคน ตังแต่ครั้งสมัยปู่ย่าตายายเกี่ยวกับเรื่องการหากินของ สัตว์ป่า ไม่ว่าจะไปกินน้ำ ดินโป่ง หรือลูกไม้ก็ตาม สมัยนั้นเชื่อกันว่าสัตว์ป่าแต่ละฝูงนั้นจะมีผู้ซึ่งคอย ดูแลอยู่ (หรือที่เรียกกันว่าเจ้าของสัตว์ป่า)เขาจะคอยควบคุมสัตว์ป่าแต่ละตัวให้อยู่ในกฎ ถ้าสัตว์ป่า ตัวไหนเกเรก็จะถูกคัดออก ให้เป็นเหยื่อของพราน พรานป่าในสมัยก่อนนั้นมักจะอธิฐานขอสัตว์ป่าที่ เกเรก่อนที่จะเข้าไปล่าสัตว์
พ่อของข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งซึ่งได้ไปนั่งห้างล่าสัตว์ ในดงดิบทึบแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริเวณ ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก ในระหว่างที่รอสัตว์มากินลูกไม้อยู่นั้น ก็มีลมพัดมาวุ๊บหนึ่งหลังจากนั้นก็เห็นคนซึ่ง ใส่กางเกงแบบจุงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าสีแดงโผกที่ศรีษะ ยืนอยู่ซักพักหนึ่งแล้วก็เดินหาย เข้าไปในป่า ซักครู่หนึ่งก็มีฝูงหมูป่าเข้ามากินลูกไม้ พ่อของข้าพเจ้าจึงยกปืนขึ้นพนมมือ และอธิฐาน ว่าของสัตว์ป่าที่เกเรซักตัวหนึ่งด้วยเถอะ ซักพักสัตว์ป่าค่อยทยอยกลับเข้าไปในป่า แต่ยังเหลืออีกตัว หนึ่งที่ยังกินลูกไม้ยังไม่หยุด พ่อของข้าพเจ้าจึงยกปืนเล็งลำกล้องไปยังหมูป่าตัวนั้นและลั่นไกรออกไป เสียงปืนดังสนั่นป่า พร้อมกับเสียงร้องของหมูป่าตัวนั้น มันล้มลงดิ้นอยู่บนใบไม้แห้ง แล้วก็หยุดแน่นิ่ง อยู่ตรงนั้น พ่อรีบบรรจุลูกปืนและนอนเฝ้าหมูตัวนั้นอยู่บนห้างจนถึงเช้าจึงกลับบ้าน
ดินโป่งเป็นอาหารโปรดของสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งแต่ละแห่งนั้นก็แตกต่างกันออกไป บางแห่งนั้น ก็มีสัตว์ป่ามากินอย่างชุกชุม แต่บางแห่งก็แทบไม่มีสัตว์ตัวใดเลยเข้ามากินเลย ข้าพเจ้าจะเล่าเกี่ยว กับดินโป่งแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าโป่งเขาแหลม ดินโป่งแห่งนี้มีสัตว์ป่ามากินกันอย่างชุกชุม ทำให้พราน ป่าต่างมานั่งห้างกันเป็นประจำ แต่ทว่านั้นแต่ละรายต่างก็เจอเหตุการที่แปลกประหลาดต่างกันไป บางคนก็ได้ยินเสียงสัตว์นั้นมากินดินโป่งเป็นฝูง แต่เวลาเปิดไฟแล้วกลับไม่เห็นแต่วี่แววของสัตว์แม้ ซักตัวเดียวเลย บางคนก็เห็นสัตว์ป่าและพอยิงแล้วก็เห็นมันหายไปต่อหน้าต่อตา จนทำให้โป่งนี้ กลายเป็นโป่งอาถรรพ์ เพราะต่างก็ว่ามีผีโป่งสิงสถิตอยู่ ถึงเวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่โป่งนี้ก็มี ร่องรอยของสัตว์ป่ามากินโป่งอย่างชุกชุมเช่นเดิม แต่ก็ไม่มีใครกล้ามี่จะมานั่งห้างนี้
จนกระทั่งคน หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนในหมู่บ้านแถบนี้ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ได้เที่ยวป่าและไปพบโป่งนี้เข้า เขาจึง มานั่งโป่งนี้ และก็ได้พบเหตุการเช่นเดียวกันนี้เหมือนกับคนอื่นๆ จากประสบการณ์การเที่ยวป่าของ เขาทำให้รู้ทันทีว่าโป่งแห่งนี้มีวิญญาณของสัตว์นานาชนิด ยังคงวนเวียนอยู่ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด เขา จึงได้ทำพิธีปิดโป่งโดยการนำปลอกลูกปืนที่เคยยิงสัตว์มาฝังไว้ที่โป่งแห่งนนี้ เพื่อปลดปล่อย วิณญานสัตว์เหล่านั้นออกไป ไม่นานโป่งแห่งนั้นก็กลายเป็นโป่งร้าง ไม่มีแม้แต่สัตว์ป่าตัวใดเข้าไปกิน แต่เรื่องราวของโป่งแห่งนั้นก็ยังเล่าสืบกันต่อมา…